วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

:::ปฏิปทาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญข้อ๔:::

 รูปภาพ : เราเป็นศิษย์รุ่นปลายอ้อปลายแขม (อยู่ห่างไกล) และมีความขี้เกียจเป็นปกติ ก่อนที่เราจะไปวัด เราไม่เคยสนใจทำอะไรจริงจังยาวนาน คือเราสนใจทำจริงจังแต่ก็ประเดี๋ยวเดียว เมื่อเราได้ไปวัด ด้วยความอยากเห็น อยากรู้เหมือนที่เพื่อนบางคนเขารู้ เขาเห็น เราจึงพยายามทำ แต่มันไม่ได้ ความพยายามของเราก็เลยลดน้อยถอยลงตามวันเวลาที่ผ่านไป แต่ความอยากของเรามันไม่ได้หมดไปด้วย พอขี้เกียจหนักเข้า เราจึงถามหลวงปู่ว่า

“หนูขี้เกียจเหลือเกินค่ะ จะทำยังไงดี”

เราจำได้ว่าท่านนั่งเอนอยู่ พอเรากราบเรียนถาม 
ท่านก็ลุกขึ้นนั่งฉับไว มองหน้าเรา แล้วบอกว่า

“ถ้าข้าบอกแกไม่ให้กลัวตาย แกจะเชื่อข้าไหมล่ะ”

เราเงียบเพราะไม่เข้าใจที่ท่านพูดตอนนั้นเลย

อีกครั้งหนึ่งปลอดคน เรากราบเรียนถามท่านว่า

“คนขี้เกียจอย่างหนูนี้ มีสิทธิ์ถึงนิพพานได้หรือไม่”

หลวงปู่ท่านนั่งสูบบุหรี่ยิ้มอยู่และบอกเราว่า

“ถ้าข้าให้แกเดินจากนี่ไปกรุงเทพฯ แกเดินได้ไหม”

เราเงียบแล้วยิ้มแห้งๆ ท่านจึงพูดต่อว่า

“ถ้าแกกินข้าวสามมื้อ มันก็มีกำลังวังชา เดินไปถึงได้ 
ถ้าแกกินข้าวมื้อเดียว มันก็พอไปถึงได้แต่ช้าหน่อย 
แต่ถ้าแกไม่กินข้าวไปเลย มันก็คงไปไม่ถึง ใช่ไหมล่ะ”

เรารู้สึกเข้าใจความข้อนี้ซึมซาบเลยทีเดียว 
แล้วหลวงปู่ท่านก็พูดต่อว่า

“เรื่องทำม้งธรรมะอะไรข้าพูดไม่เป็นหรอก 
ข้าก็เป็นแต่พูดของข้าอย่างนี้แหละ”

(อรพินท์) 
จาก หนังสือตามรอยธรรม ย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
๔. หลวงปู่เป็นผู้มีปฏิสันถารที่ดีแก่ผู้มาเยือน

หลวงปู่จะยิ้มและพูดทักทายกับผู้ที่มากราบท่านอย่างเสมอหน้ากันหมด
ยิ่งถ้าเป็นเด็กหนุ่มสาวสนใจซักถามข้อธรรม ท่านจะสนทนาธรรมด้วยความเมตตายิ่ง

นอกจากนี้ ท่านยังฝึกให้ศิษย์ทุกคนทุกชนชั้นรู้จักสลายทิฏฐิมานะอัตตาตัวตนลง
โดยการให้นั่งรับประทานอาหารที่หลวงปู่ฉันเหลือ
ร่วมกันแบบนั่งกับพื้นเรียงลำดับเป็นแถวยาว
มีกับข้าววางเรียงอยู่ตรงหน้ายาวไปจนสุดแนว
จนไม่รู้สึกว่า ใครสูงใครต่ำ ใครรวยใครจน
ทุกคนเสมอภาคกันหมดในทางธรรม

กับพระสงฆ์องค์เจ้า หลวงปู่ไม่เคยวางตัวชนิดว่าฉันเป็นเจ้าสำนักหรือเป็นผู้มีศักดาใด ๆ
พระรูปไหนมาเยี่ยมเยียน หลวงปู่ก็จะรินน้ำชายื่นให้ฉัน (ดื่ม) เสมอ 
ถ้าเป็นพระที่พรรษามากกว่า หลวงปู่ก็จะลุกขึ้นนั่งกราบ ดังเช่นหลวงปู่บุดดา เป็นต้น 

กับพระสงฆ์บางองค์ที่เหมือนจะรู้ใจกันค่อนข้างดี
เช่นหลวงปู่โง่น โสรโย จ. พิจิตร และหลวงพ่อเป้า เขมกาโม จ. นครสวรรค์ เป็นต้น
เมื่อมาถึงและฉันน้ำชาแล้ว บางทีต่างองค์ต่างก็นั่งเงียบ ๆ ไม่ค่อยได้พูดจาซักถามเท่าใดนัก
ไม่นานก็กราบลากัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น